วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

หน่วยที่ 3


หน่วยที่ วัฒนธรรม


วัตถุประสงค์ทั่วไป

                    1. ทราบความหมาย ลักษณะ และความสำคัญของวัฒนธรรม
                    2. เข้าใจองค์ประกอบของวัฒนธรรม
                    3. ทราบถึงประเภทของวัฒนธรรม ยกตัวอย่างในแต่ละประเภท
                   4. เข้าใจหน้าที่ของวัมนธรรม
                   5. เข้าใจถึงปัจจัยที่ทำให้สังคมต่าง ๆ มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน



วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม

                       1. อธิบายความหมาย ลักษณะ และความสำคัญของวัฒนธรรมได้                      

                      2. อธิบายองค์ประกอบและประเภทของวัฒนธรรมได้
                      3. จำแนกประเภทวัฒนธรรม ยกตัวอย่างแต่ละประเภทได้
                     4. อธิบายหน้าที่ของวัฒนธรรมได้
                     5. อธิบายปัจจัยที่ทำให้สังคมต่าง ๆ มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้


เนื้อหาสาระ 

        วัฒนธรรมเห็นแบบแผนและเป็นเครื่องกำหนดวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ใน

แต่ละสังคมที่บ่งออกถึงความเจริญและความเสื่อม ตลอดจนวิวัฒนาการความเป็นมา และการ
ดำรงอยู่ของสังคม สังคมและวัฒนธรรมจึงเป็นของคู่กัน ประเทศใดมีวัฒนธรรมดีจะส่งผลต่อ
ความเจริญของคนในสังคม

มนุษย์กับวัฒนธรรม

  
     วัฒนธรรมเป็นเครื่องกำหนดวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ การที่มนุษย์อยู่ร่วมกันคบ

หาสมาคม ประกอบอาชีพร่วมกัน ล้วนเป็นผลมาจากวัฒนธรรม วัฒนธรรมเป็นเครื่องกล่อม
เกลาจิตใจมนุษย์ ก่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข สังคมและวัฒนธรรมจึงจำเป็นของคู่กัน 
โดยมนุษย์เป็นผู้สร้างวัฒนธรรม และวัฒนธรรมเป็นสิ่งสร้างความเจริญให้แก่สังคมของมนุษย์


      ความหมายของมนุษย์

             
 มนุษย์ เป็นสัตว์สังคมที่มีลักษณะพิเศษที่เจริญกว่าสัตว์ทั้งหลาย รู้จักใช้เหตุผล มีจิตใจสูงอยู่รวมกัน
เป็นกลุ่มเพื่อสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน ต้องการความรัก ความอบอุ่น การยอมรับ เกัยรติยศ ความ

สำเร็จด้วยการสร้างสรรค์ สั่งสมประสบการณ์ เอาชนะธรรมชาติและพัฒนาตนเอง เริ่มจากการพึ่งพา
อาศัยกัน มนุษย์มีสติปัญญาจากการเรียนรู้ ระยะเวลาที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ดังนั้นยาวนานกว่าสัตว์
อื่น เพราะตั้งแต่เป็นทารก เป็นเด็ก ต้องได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ ทำให้เกิดการเรียนรู้สังคมให้มี
ชีวิตรอด มีการสื่อสารถ่ายทอดประดิษฐคิดค้น เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ด้วยกันเอง มีกิจกรรม
ร่วมกันเพื่อให้สังคมพัฒนา มีความเจริญก้าวหน้าต่อไปตามลำดับ
                          การที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงทำให้สามารถพัฒนาตนเองได้ดีกว่าสัตว์อื่นนอกจากนี้มนุษย์
ยังมีลักษณะพิเศษ กว่าสัตว์อื่น ๆ ดังนี้


                                      1. มนุษย์มีร่างกายตั้งฉากกับพื้นโลกผิดจากสัตว์อื่น 


                                      2. มีมันสมองมากว่า จึงเฉลียวฉลาดกว่าสัตว์อื่น 


                                      3. มีนันย์ตาอยู่ด้านหน้า สามารถมองเห็นได้รอบ


                                      4. มีเพศสัมพันธ์ไม่จำกัดฤดูกาล สามารถสร้างสมาชิกใหม่ให้สังคมได้เมื่อมนุษย์ต้องการ


                                      5. มีมือที่สมารถหยิบจับสิ่งของได้ถนัดกว่าสัตว์อื่น


                                      6. มีวัฒนธรรม คุณธรรม และจริยธรรม

     
        ความหมายของวัฒนธรรม 

                     คำว่่า วัฒนธรรม มาจากภาษาอังกฤษว่า Culture ซึ่งคำเดิมในภาษาละตินคือ Cultura มีความ
หมายหลายอย่าง เช่น การเพราะปลูก การปลูกฝัง การปลูกพืช การทำให้ดีกว่าเดิมโดยการอบรม
หรือฝึกหัด  ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑืตยสถาน พ.ศ. 2552 คำว่า วัฒนธรรม หมายถึง 
สิ่งททำความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ ดังนั้น สิ่งใดก็ตามหากมีการเจริญขึ้นด้วยการศึกษาอบรม
จะอยู่ในขอบข่าย ความหมายของคำว่าวัฒนธรรมได้ทั้งสิ้น
       พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงบัญญัติไว้ โดยมาจากการรวมกันสองคำ 
คือ

       - วฒน มาจาก วุฒุน ในภาษาบาลี หมายถึง ความเจริญงอกงาม 

       - ธรรม มาจาก ธรุม ในภาษาสันสกฤต หมายถึง สภาพที่เป็นอยู่จริง

       วัฒนธรรม หมายถึง สภาพที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม หรือความมีระเบียบวินัย นิยามของคำว่า 
วัฒนธรรมนั้น ยังมีนักวิชาการหลายท่านได้ให้คำจำกัดความไว้ แต่กล่าวโดยสรุปแล้ว ความหมายของ
วัมนธรรมเป้นดังนี้

       วัฒนธรรม เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละสังคมในการดำเนินชีวิต
ของคน กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่แสดงออกถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียว 
ความก้าวหน้าคนส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นสิ่งดีงาม โดยสร้างเป็นกฎเกณฑ์แบบแผน เพื่อนำไปปฎิบัติ
ให้เป็นไปตามรูปแบบเดียวกัน ถือเป็น "มรดดกแห่งสังคม" เพราะวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้รับมา
จากบรรพบุรุษหรือถ่ายทอดให้แก่อนุชนรุ่นหลัง จนเป็นวิถีของสังคม

 ลักษณะของวัฒนธรรม 
      วัฒนธรรมมีลักษณธสำคัญซึ่งอาจแยกกล่าวได้ ดังนี้
      1. วัฒนธรรมเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากากรเรียนรู้ (Learned Behavior) 
          วัฒนธรรมไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิด และไม่ใช่สิ่งที่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น
 กริยาท่าทาง การพูด การเขียน การแต่งกาย มารยาทต่าง ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้ต้องอาศัยการเรียนรู้เท่านั้น
จึงจะทำได้ การที่มนุษย์สามารถเรียนรู้วัฒนธรรมได้ ก็เพราะมนุษย์สามารถติดต่อทำความเข้าใจกันโดยใช้
สัญญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดคือ ภาษา ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนแต่ถ้ามนุษย์ถูกแยกออกจากเพื่อนมนุษย์อื่น
 และไม่ได้รับการสั่งสอนก็ไม่อาจทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้น การที่เด็กขาดลักษณะของความเป็นมนุษย์ที่ี
สมบรูณ์ ก็เพราะว่าไม่ได้เรียนรู้วัฒนธรรม วัฒนธรรมจึงเป็นพฤติกรรมที่ต้องเรียนรู้


การลอยกระทง
2. วัฒนธรรมเป็นวิถีชีวิต (Way of Life)
             
ในทางสังคมศาสตร์ กล่าว วัฒนธรรมเป็นวิถีชีวิตของมนุษย์ในสังคม เพราะวัฒนธรรมเป็นสิ่ง
กำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นแบบแผนการดำเนินชีวิต เป็นตัวกำหนดรูปแบบที่ี
จดจำสืบต่อกันมาทั้งด้านครอบครัว เศรษฐกิจ การปกครอง การกิน การเขียน การทำงาน ล้วนเป็นเรื่อง
ของวัฒนธรรมที่เป็นวิถีชีวิตของมนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นแบบแผนกันไปในแต่ละชาติ เช่น วัฒนธรรมไทย 
วัฒนธรรมจีน หรือวัฒนธรรมตะวันตกเป็นตน



วัฒนธรรมการแต่งงานแต่ละชาติ

       3. วัฒนธรรมเป็นมรดกทางสังคม (Social Heritage) 

            วัฒนธรรมของมนุษย์นั้นสามารถถ่ายทอดสืบสารต่อกันได้ วึ่งเกิดจากการเรียนรู้สิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น

ภาษาพูด ภาาาเขียน หรือสัญญลักษณ์ต่าง ๆ ช่วยให้มนุษย์สื่อสารและเข้าใจกันได้




ศิลาจารึก





             4. วัฒนธรรมเป็นลักษณะที่เหนืออินทรีย์(The Superorganic)  หมายถึงวัฒนธรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งไม่คงที่ั่นั้นคือ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เกี่ยวพันกับ กระบวนการทางพันธุกรรม หรือไม่เกี่ยวข้อง กับร่างกายนั่นเอง มนุษย์ชาติทั้งมวล สามารถได้รับประโยชน์ จากสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆให้เหมาะสมกับสถานการณื สภาพแวดล้อมที่สะดวกรวดเร็วขึ้นผลที่ ตามมาคือมีการสร้างท่าอากาศยาน ถนนหนทาง เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผลต่อสังคมใน ด้านอื่นๆมากมาย     
จะเห็นได้ว่าลักษณะของวัฒนธรรมที่กล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ จากแบบแผนการดำเนินชีวิต 
ซึ่ง สังคมแรกที่เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้คือ ครอบครัว วัฒนธรรมใดที่สังคมยอมรับว่าดีก็จะถ่ายทอด
สู่คนรุ่นหลังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ วัฒนธรรมยังมีลักษณะเป็นการ แสดงออกใน
รูปของความคิดารปฎิบัติโดยสมาชิกรับรู้ร่วมกัน และประพฤติ ปฎิบัติให้เหมาะสมกับสังคมของตน
 อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมมิใช่เป็นของผู้ใดโดยเฉพาะ แต่เป็นของส่วนรวมจากการที่มนุษย์อยู่ร่วมกัน 
สร้างรูปแบบในการดำเนินชีวิต ร่วมกันในสังคม ดังนั้น วัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับและ
ถือปฎิบัติร่วมกัน ไม่ใช้เป็นของสมสชิกในสังคมคนใดคนหนึ่งที่ยอมรับและถือปฎิบัติเท่านั้น 

                                       
                                                    อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย



องค์ประกอบของวัฒนธรรม 
      
วัฒนธรรมเป็นผลจาการที่มนุษย์ได้เข้าควบคุมธรรมชาติและพฤติกรรมของมนุษย์ ทำให้
เกิดการจัดระเบียบทางสังคม ระบบความเชื่อ ศิลปกรรมต่างๆ ค่านิยม ตลอดจนวิทยาการ
ใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ให้
ตอบสนองรองรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเพื่อเป็นการปรับตัวให้ทันกับสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ ดังนั้น
จึงควรจะเข้าใจในเรื่องของวัฒนธรรมว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง ที่รวมกันแล้วทำให้เกิดรูปแบบของ
วัฒนธรรมขึ้นมาซึ่งมีตัวอย่าง 4 ส่วน ดังนี้

     1. องค์มติ (Concept) หมายถึง ความเชื่อ ความคิดเห็น ความเข้าใจ ตลอดจนอุดมการณ์ต่างๆ เช่น
ความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นเครื่องชี้เจตนาความเชื่อในเรื่องของการมีผัวเดียวเมีนเดียว
 ที่ถือเป็นขนบธรรมเนียมค่านิยมของสังคมที่บ่งบอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดีงามของสังคมไทย ซึ่งควร
แก่การยกย่องความเชื่อในเรื่องของการตายและการเกิดใหม่ ความเชื่อในเรื่องของพระเจ้าองค์เดียวหรือ
หลายองค์ ตลอดจนทัศนคติการยอมรับในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่ซึ่งแล้วแต่กลุ่มชนจะใช้มาตฐาน
ใดในการตัดสิน หรือเป็นเครื่องวัดสภาพแวดล้อมของตน

     2. องค์การ (Association or Organization) หมายถึง กลุ่มสังคมที่มีการจัดสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบ
ตัวเราได้เป็นระเบียบ และมีระบบในการบริหารงานอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความสะดวกสบายรวดเร็ว
 ถูกค้องและมีประสิทธิภาพในการบริหารงาน หรือทำงานและปกครองคนได้อย่างดี เช่น สถาบัน 
สมาคม สโมสร วัดสภากาชาด สหพันธ์กรรมกร กลุ่มลูกเสือ ครอบครัว (องค์กรทีีเล็กทีีสุด) องค์การที่
ใหญ่ที่สุดก็คือ องค์การสหประชาชาติ เป็นต้น

     3. องค์พิธีการ (Usage) เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยอมรับกันโดยทั่วไปซึ่งแสดงออกในรูป
พิธีกรรมต่างๆ เช่น ประเพณีการโกนผมไฟ พิธีการแต่งงาน การตายหรือพิธีตั้งศพ

     4. องค์วัตถุ (Instrumental and Symbolic Objects) คือ วัฒนธรรมทางวัตถุที่มีรูปร่างสมารถมอง
เห็นสัมผัสแตะต้องได้ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ในระบบการเกษตรกรรม ระบบการอุตสาหกรรม 
โรงเรียน อาคารสถานที่ต่างๆ วัด โบสถ์ วิหาร และเครื่องมือเครื่องใช้ทางวัฒนธรรมเช่น คนโทน้ำ จาน
 ถ้วย และมีด กาน้ำตลอดจนผลผลิตของมนุษย์ในทางศิลปกรรม เช่น ภาพเขียน รูปปั้น ส่วนองค์วัตถุ
ที่ไม่มีรูปร่างก็จะเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงสัญญลักษณ์ในการติดต่อสื่อความหมาย เช่น ภาษา ตัวเลข 
มาตราชั่ง ตวง วัด 

 ประเภทของวัฒนธรรม

       ประเภทของวัฒนธรรมนั้น มีการจำแนกเป็น 2 แนวคิด ดังนี้
       - แนวคิดที่ 1 ตามหลักด้านสังคมวิทยา
       - แนวคิดที่ 2 ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2585
       แนวคิดที่ 1 แบ่งประเภทวัฒนธรรมตามหลักทางด้านสังคมวิทยา ซึ่งเป็นทีียอมรับจากสังคมโดยทั่วไป
แบ่งได้ 2 ประเภท ตามลักษณะสภาพสังคมในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้จะต้องสอดคล้อง
เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน แต่รูปแบบที่มีลักษณะสวนทางกันซึ่งแนวคิดนี้จำแนกเป็น
       - วัฒนธรรมทางวัตถุ (material Culture)
       - วัฒนธรรมที่ไม่วัตถุ (Non-material Culture)


1. วัฒนธรรมทางวัตถุ (Material Culture) หมายถึง วัฒนธรรมด้านรูปธรรมที่สามารถสัมผัสได้
มีรูปร่าง จากสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ผลิตขึ้นมาใช้ในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร บ้านเรือน ยารักษาโรค
เครื่องมือเครื่องใช้ เป็นต้น



      2. วัฒนธรรมที่ไม่ใช้วัตถุ (Non - material Culture) หมายถึงวัฒนธรรมด้านนามธรรมที่ไม่สามารถ
สัมผัสได้ เช่น ภาษา ความคิด ค่านิยม ถ้อยคำที่ใช้พูด ถ้อยคำที่ใช้พูด ประเพณี ความเชื่อที่มนุษย์ยึดถือ
เกี่ยวกับศาสนา ลัทธิทางการเมือง วัฒนธรรมประเภทนี้บางครั้งรวมเอากติกาการแข่งขันกีฬา แนวคิดเกี่ยว

กับยุทธวิธีของผู้แข่งขัน และการดูการแข่งขันไว้ด้วย

วัฒนธรรมความเชื่อ ศรัทธา
                โดยทั่วไปแล้วการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมจะต้องเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทั้งวัฒนธรรมทางวัตถุ
และวัฒนธรรมทางวัตถุและวัฒนธรรมที่ไม่ใช้วัตถุ แต่ถ้าวัฒนธรรมทั้งสองส่วนนี้เปลี่ยนแปลงไม่เท่ากัน 
ก็จะทำให้เกิดภาวะวัฒนธรรมล้า (Culture Lag) ส่วนใหญ่วัฒนธรรมทางวัตถุมักเปลี่ยนแปลงเร็วกว่า
วัฒนธรรมที่ไม่ใช้วัตถุ เช่นสังคมไทยเรารับเอาความเจริญทางวัตถุจากตะวันตกมาใช้ ทั้งเครื่องอุปโภค
บริโภค ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ แต่ส่วนใดที่ไม่ใช้วัตถุ เช่น เรื่องระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ
ลักษณะนิสัยการทำงาน ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดยังเปลี่ยนแปลงช้ากว่าส่วนที่เป็นวัตถุ จึงทำให้เกิด
ปัญหาสังคมต่างๆ ตามมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัยหาจราจร ปัญหาอาชญากรรม หรือ ปัญหา
สิ่งแวดล้อม เป็นต้น

วัตนธรรมวัตถุ
วัตนธรรมที่ไม่ใช้วัตถุ
บ้าน รถยนต์ เสื้อผ้า เครื่องจักรกล
ตู้เย็นพัดลมโต๊ะเก้าอี้วิทยุเป็นต้น
สถาบันทางสังคม: ครอบครัว เศรษกิจ การศึกษา การเมือง
การปกครอง ศาสนา สุขภาพ สุขภาพอนามัย เป็นต้น
วัฒนธรรมประเภทการควบคุมทางสังคม : ศาสนา ความเชื่อ
ค่านิยมอุดมการณ์ประเพณีกฎหมาย
ศิลปะ : จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม
หัตถกรรมนาฎศิลป์ดนตรีการละคร
ภาษา : ภาษาพูด ภาษาเขียน กิริยา ท่าทาง
พิธีกรรม
  
 แนวคิดที่ แบ่งตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2485 ได้แบ่ง วัฒนธรรมออกเป็น 
ประเภทดังนี้

         1. คติธรรม (Moral) Culture) ป็นวัฒนธรรมที่เป็นหลักการดำเนินชีวิต หลักคุณธรรมต่างๆ 
ที่นำมาปฎิบัติในสังคมและส่วนใหญ่เป็นเรื่องของจิตใจ โดยเน้นทางคุณธรรม-ศีลธรรมเพราะถือ
ว่าเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตมนุษย์ทุกคน ถ้าหากขาดวัฒนธรรมทางด้านคติธรรมแล้วจะทำให้เป็น
มนุษย์ที่ไม่สมบรูณ์ อยู่ในสังคมด้วยความยากลำบาก เข้ากับคนอื่นได้ยาก เพราะต้องมีความขยันมั่นเพียร 
ความประหยัด ความเสียสละ ความรักใคร่สามัคคีในกลุ่ม มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเอง ทั้งครอบครัว
และส่วนรวม ตรงเวลา รู้จักใช้สติปัญญาในทางที่ถูกที่ควร เหมาะสมกับกาลเทศะ ไม่ใช่ว่าอยู่ในประเภท
ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

เด็กที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต

          2. เนติธรรม (Legal Culture) เป็นวัฒนธรรมที่เป็นกฎเกณฑ์ทางสังคม นำมาใช้ในการจัดระเบียบ
ของสังคมหรือขนบธรรมเนียมประเพณีที่สังคมส่วนใหญ่ยอมรับว่ามีความสำคัญ เท่าเทียบกัน กับ
กฎหมาย ถ้าหากประชาชนในสังคมทุกคนต่างยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี มีคุณธรรม และ
ศีลธรรม กฎหมายนั่นก็คงไม่จำเป็นต่อการนำมาปกครองสังคม แต่เพราะมนุษย์มีความรู้ความฉลาดมากขึ้น
จึงมีการหลีกเลี่ยงกฎหมายของตนเอง ดังนั่นจึงจำเป็นต้องมีทั้งกฎหมายและขนบธรรมเนียมประเพณี
เพื่อควบคุมและปิดช่องว่างของกฎหมายและอย่างให้ประชาชนในสังคมไม่ทำผิด หรือทำความผิดน้อยลง


การประพฤติตามหลักศีลธรรม ช่วยให้คนทำผิดน้อย

         3. วัถถุธรรม (Material Culture)เป็นวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำเนินชีวิต
ประจำวันเช่น เกี่ยวกับการกินดีอยู่ดี มีเครื่องนุ่งห่ม บ้านเรือน ยารักษาโรค โบราณสถาน ศิลปวัตถุ
 สิ่งของที่เป็นสาธารณสมบัติ เพื่อการประกอบอาชีพ เป็นการ เพิ่มพูนรายได้ ยกฐานะความเป็นอยู่
ของตนเองให้สูงขึ้น


วัฒนธรมมทางวัตถุ
           4. สหธรรม (Social Culture) เป็นวัฒนธรรมทางสังคม การติดต่อสัมพันธ์ มารยาทและการสมาคม
การรู้จักกาลเทศะ ซึ่งรวมถึงคุณธรรมต่างๆ ที่ทำให้มนุษย์เราอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เช่น
มารยาทในการรับแขก มารยาทในการรับประทานอาหาร การไปงานมงคลทุกชนิด การไปงานศพ 

การเดินทางด้วยยานพาหะที่แตกต่าง การโต้ตอบจดหมาย การทำให้คนเป็นผู้รู้จักกาลเทศะ และรู้จัก
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยปฎิภาณไหวพริบ ความสามารถของตนเอง ฯลฯ 

วัฒนธรรมทางสังคม : มารยาทที่คนในสังคมพึงปฏิบัติ




 หน้าที่ของวัฒนธรรม  วัฒนธรรมมีหน้าที่ดังต่อไปนี้

       1. วัฒนธรรมเป็นตัวกำหนดรูปแบบของสถาบัน ซ่งลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละสังคม  
เช่นวัฒนธรรม ศาสนาอิสลาม อนุญาตให้ชาย(ที่มีความสามารถเลี้ยงดูและให้ ความยุติธรรมแก่ภรรยา) 
มีภรรยาได้มากกว่า 1 คน โยไม่เกิน 4 คน แต่ห้ามสมสู่ระหว่างเพศเดียวกันอย่างเด็ดขาด ในขณะที่ศาสนา
อื่นอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้เพียง 1 คน แต่ไม่มีบัญญัติห้ามความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ฉะนั้น
รูปแบบของสถาบันครอบครัวจึงอาจแตกต่างไป

     ปัจจัยที่ทำให้สังคมต่างๆ มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน

     สังคมหนึ่งจะต้องมีวัฒนธรรมหรือวิถีการดำเนินชีวิตเป็นลักษณธเฉพาะของสังคมนั้นวัฒนธรรม
จึงเป็นเอกลักษณ์ของชาติ สาเหตที่ทำให้สังคมมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมีดังนี้

    1. ความคิดเห็นและการมองเห็นโลกที่แตกต่างกันไป มนุษย์ทุกแห่งในโลกต้องมีระเบียบกฎเกณฑ์ 

ความเชื่อศาสนา การปกครอง เศษรซกิจ แม้นแต่การอบรมเลี้ยงดูเด็ก ตลอดจนการคบค้าสมาคม
แต่รูปแบบของสิ่งเหล่านี้ จะแตกต่างกันไปตามความคิดเห็นและคำนิยมของแต่ละสังคม

    2. สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่ต่างกัน

      - มนุษย์ที่อยู่ในเขตหนาวก็ต้องพบปัญหาต่างกันกับมนุษย์ที่อยู่ในเขตร้อน
      - มนุษย์ที่อยู่บนภูเขาย่อมมีปัญหาต่างจากมนุษย์ที่อยู่ในที่ลุ่ม
      - มนุษย์ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมคล้ายกันอาจมองโลกต่างกัน หรือความแตกต่างของเหตุการณ์ 

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
      - มนุษย์ที่เกิดในสิ่งแวดล้อมใดก็มักจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของตน


      อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น มีลักษณะเฉพาะและเปลี่ยนแปลง

ได้จาก ภายใต้ ในสังคมหรือกระจายมาจากสังคมอื่น จึงควรระลึกเสมอว่าวัฒนธรรมใหม่ใช้ว่าจะดี
ทุกอย่าง ของเก่าก็ไม่ใช่ดีทั้งหมด จึงควรรู้จักการเลือกสิ่งใหม่ที่ดีและเก็บของเก่าที่ดีไว้เช่นกัน  
 







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น